Kurume
ตอนที่ 2 เราพาเขยิบออกมาจาก Tenjin ที่ผมแนะนำไว้ในตอนแรกอีกนิดไปยังเมือง Kurume ซึ่งเลือกเดินทางได้สองแบบตามนี้
1. Tenjin –> Hakata (airport line) และต่อ Hakata –> Kurume (JR) [map] เวลา 1 ชม. ราคา 940 เยน
2. Nishitetsu Fukuoka –> Nishitetsu Kurume (Nishitetsu Tenjin Omuta Line) [map] เวลา 40 นาที ราคา 620 เยน
สำหรับใครที่ถือ JR pass ก็แนะนำให้เดินทางแบบที่ 1 เพราะจะไม่ต้องเสียค่า JR จะประหยัดไปได้ 740 เยนครับ แต่ใช้เวลาเยอะกว่าเล็กน้อย
มาแนะนำของกินกันก่อนเลย สำหรับ Kurume ก็มีชื่อเป็นต้นกำเนิดของ Tokotsu Ramen ในเมื่อได้ไปยังเมืองต้นกำเนิดแล้ว ก็อย่าพลาดที่จะไปกิน Tokotsu Ramen Original กันนะครับ มีร้านแนะนำมาฝากชื่อว่าร้าน Taiho Ramen เดินจากสถานี Nishitetsu Kurume ไปประมาณ 10 นาทีก็จะเจอ ร้านจะเปิดทุกวันตั้งแต่ 11 โมงยัน 3 ทุ่ม ก่อนที่จะเดินไปช้อปปิ้ง ก็แนะนำให้ไปทานราเมนที่นี่ก่อนได้ครับ
––
นอกจากเรื่องของราเมนที่ Kurume จะดังมากแล้ว Kurume ยังเป็นเมืองที่ผลิตรองเท้า sneakers ชื่อดังของญี่ปุ่นอีกหลากหลายแบรนด์ ไม่ว่าจะเป็น Shoes like Pottery, Doek, Moonstar หรือ SOLS ที่จะเห็นที่ product ว่า Made in Kurume กันทั้งหมด
Kurume ขึ้นชื่อในเรื่องของ Rubber (ยาง) เป็นอย่างมาก และอีกอย่างที่เป็นสินค้าชื่อดังก็คือ “Kasuri” ผ้าที่ถูกย้อมและทอ ดัวยกระบวนการพิเศษ ส่วนใหญ่จะเป็นสี Indigo มีทั้งแบบเรียบๆ ที่ไม่มีลาย กับแบบที่เป็นลาย Pattern ที่ใครเห็นก็จะรู้ได้เลยว่าของญี่ปุ่นแน่นอน
ด้วยความชำนาญทั้งเรื่องการทอและการผลิตยาง ทำให้ Kurume สามารถทำรองเท้า Sneakers ดีๆ ที่มีเนื้อผ้าที่ถูกทอมาอย่างพิถีพิถรรภ์ และตัวยางคุณภาพ ที่ถูกอบและขึ้นรูปรองเท้าได้อย่างเป๊ะเว่อร์จากฝีมือของช่างชาวญี่ปุ่น จากโรงงานทั้ง 2 โรงงานชื่อดังใน Kurume ที่เคยผลิต Limited Edition ให้กับรองเท้าแบรนด์ดังหลายแบรนด์ Converse รุ่น Made in Japan ก็เป็นหนึ่งในรุ่นที่เราคิดว่าผลิตที่นี่เช่นกัน และตอนนี้ The Hill-side ที่กำลังหันมาทำตลาดรองเท้าควบคู่ไปกับพวกเนคไท ก็เลือกที่จะมาผลิตที่นี่ด้วยครับ
Persica
เดินจากสถานี Nishitetsu Kurume มาไม่ไกลครับ 15 นาทีได้ อาจจะหาร้านยากหน่อย เพราะร้านจะดูไม่สะดุดตาเท่าไหร่ ไม่เหมือนร้านขายของแฟชันทั่วไปครับ เป็นตึก 2 ชั้น ชั้นล่างจะเป็น Cafe ส่วนชั้นบนจะเป็นโซนขายของ
ชั้น 2 ก็จะเป็นอารมณ์ประมาณโชว์รูมรองเท้าครับ มีทั้ง Shoes like Pottery, SOLS, Doek, Stussy Rain Shoes, The Hill-side และอีกเพียบเลยครับที่เป็น Collection ส่วนตัวของคุณ Muta เจ้าของร้าน ตอนผมไปเขาหยิบออกมาโชว์ มีทั้ง Vintage Vans Chukka, Sperry Topsider Premium Line (Made in Japan) แล้วก็ยังมีอีกหลายคู่ที่เขาไม่ได้มีจำหน่าย แต่เค้ายินดีจะหยิบมาอวดให้ดูครับ ใครไปถึงร้านแล้ว ลองขอคุณ Muta ดูได้ครับผม
นอกจากรองเท้าแล้ว ก็ยังมีกระเป๋า Cloth-Bucket, T-shirt, แล้วก็ ผ้าพันคออีกเล็กน้อยครับ เป็นร้านที่มีสินค้าแฟชันไม่เยอะครับ ส่วนใหญ่ตัวร้านจะเน้นไปที่ชั้น 1 ตัวของ Cafe มากกว่า ก็จะมีทั้งเขียง, Board, กะทะ, อุปกรณ์ในครัวทั้งหลายสไตล์ Vintage
ตัวของ Cafe เมนูในแต่ละวันก็จะไม่ซ้ำกันครับเมนูของ lunch จะมีตั้งแต่ 11.30-14.00 ครับ ซึ่งจะเป็นอาหารคาวหน้าตาดูดี แต่ว่าไม่สามารถรู้ได้เลยว่าเมนูนั้นเรียกว่าอะไรครับ วิธีเช็คเมนูแต่ละวัน เค้าจะอัพลง IG ไว้ก่อนเวลาครับ ส่วนเวลา 14.00-17.00 จะเป็นเวลา Tea time ซึ่งจะมีเมนูเค้กแต่ละวันแตกต่างกันไปครับ ก็เช็คได้จาก IG เช่นเดียวกันครับ
เวลาทำการจะค่อนข้างแปลกหน่อยครับ:
วันอังคาร-เสาร์ ชั้น 1 (cafe) จะเปิดเวลา 11.30-15.00 (lunch time 11.30-14.00) 16:00-22.00 (dinner time 18.00 เป็นต้นไป), ส่วนชั้น 2 จะเปิดถึงแค่เวลา 19.00 ครับ
วันอาทิตย์ ชั้น 1 และชั้น 2 จะเปิดเวลา 11.30-19.00 (lunch time 11.30-15.00 )
สินค้าแนะนำ: All sneakers, Cheese Cake
Garden
ร้านนี้เป็นร้านห้องแถว 1 ห้อง ไม่ได้ใหญ่มาก แต่ว่าในร้านดูดีเลยครับ เดินมาจาก Persica ประมาณ 10 นาที ทีแรกก็ไม่ได้หาข้อมูลของร้านนี้ไว้หรอกครับ แต่คุณ Muta แกแนะนำให้มา ก็เลยแวะมาแล้วก็ไม่ผิดหวังเลยครับ
ในร้านสินค้าจะเป็นแบรนด์ Local ญี่ปุ่นซะส่วนใหญ่ มีไปตั้งแต่ T-shirt ไปยันเครื่องหนังเลยครับ 100% ของสินค้าเป็นของผู้ชายทั้งหมดครับ อาจจะมีของ Unisex บ้างแต่ก็ไม่มีอะไรที่หญิงจนเกินไปเลยครับ
เจ้าของบอกว่าสินค้าที่เค้าขายส่วนมากเป็นแบรนด์ Local โดยแท้ ที่เจ้าของก็เป็นเพื่อนๆ กันกับเค้าเนี่ยแหละครับ แต่ก็ใช่ว่าจะไม่มีของ Import เลย มีอยู่บ้างที่ Import มาจาก US และ EU ครับ หากใครชอบสไตล์เรียบๆ แบบญี่ปุ่น แต่ว่ายังดูทันสมัย ไม่ได้ Vintage จ๋า แนะนำว่าร้านนี้ดูดีเลยครับ และสินค้าก็ไม่ได้ราคาแรงมาก ถือว่าไม่ผิดหวังที่แวะไปครับ
สินค้าแนะนำ : fit CREW NECK T-shirt, FUJITO Knit Cap (made in Japan)
อันที่จริงแล้ว Kurume ยังมีร้านแฟชันอยู่อีกประมาณ 2-3 ร้านที่ขายไอเทม vintage หากใครพอจะมีเวลาเดินเล่น เรื่อยๆในเมืองก็คงจะเจอครับ แล้วอย่าลืม ห้ามพลาดที่จะไปลอง Tokotsu Ramen ด้วยนะครับ