จั่วหัวมาแบบงงๆ “มึงมีอะไรให้ review ด้วยหรอ” หลายคนคงนึกในใจ ใช่ครับ เราหายไป 1 ปีเต็ม ผมยังจำคำที่ผมเขียนเมื่อปลายปี 2015 ได้อยู่เลย “เจอกันใหม่ปีหน้า” ก็ไม่นึกเหมือนกันว่าเราจะใช้เวลาหยุดพักไปนานขนาดที่ว่า “ปีหน้า” จะกลายเป็นปี 2017 โดยปริยาย อย่างไรก็ตาม 2016 ก็ไม่ได้เป็นปีที่ไร้ความหมายสำหรับเราเลยแม้แต่น้อย
เมื่อเราต้องหยุด
เราเริ่มต้นปี 2016 ด้วยการตัดสินใจหยุดพักการเขียนอย่างจริงจัง เพื่อไปโฟกัสงานที่มันสำคัญกับชีวิตเรามากกว่า ถ้าใครเคยทำอะไรแบบผมคงจะเข้าใจดี ลาออกจากงานประจำ เริ่มทำบริษัทของตัวเอง หัวหมุนทั้งวันทั้งคืน ถ้าเราไม่โฟกัสเราคงไม่รอดมาถึงปีนี้แน่ เอาจริงๆถ้าย้อนไป ก็ยังรู้สึกว่าการตัดสินใจหยุดพักในตอนนั้นเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องมากๆ
แต่ … มันไม่ดีเอาซะเลยกับคนอ่าน คนที่ติดตามสิ่งที่เราทำมาตลอด ยิ่งเนื้อหาในสิ่งที่เรานำเสนอก็แทบจะไม่มีคนหยิบขึ้นมาทำกันเท่าไหร่นัก มันเหมือนเป็นการทิ้งทุกอย่างไว้กลางทาง ผมต้องขอรับผิดในข้อน้ีไว้ทั้งหมดครับ
ตอนนั้นคิดว่าเมื่อเราหยุด ทุกคนก็คงจะค่อยๆลืมเราไป ไม่ช้าก็เร็ว เพราะระหว่างทางที่เราหายไป ผมก็เริ่มเห็นเวบอื่นๆมาจับทางนี้มากขึ้นนอกจาก Wardrobe Ministry ที่เขียนมานาน (ซึ่งผมเองก็ตามอ่านอยู่ประจำ) แต่ที่น่าแปลกใจคือตลอดปี 2016 ในกล่อง inbox ของเพจกลับเต็มไปด้วยข้อความ บางคนมาให้ผมแนะนำสไตล์ บางคนก็เข้ามาพูดคุยแลกเปลี่ยนกันเฉยๆ แต่แทบจะทุกคนจะจบด้วยคำว่า “ติดตามผลงาน รออ่านอยู่นะครับ” ต้องขอบคุณทุกกำลังใจที่ส่งมาให้ไว้ ณ ที่นี้ด้วยครับ บางคนผมก็ต้องส่ง blog อื่นๆให้ไปอ่านก่อนบ้าง ไม่อยากให้รอเรา เพราะตอนนั้นเราเองก็ไม่รู้ว่าเราจะกลับมาได้เมื่อไหร่เหมือนกัน
ปีที่ดีของ Menswear Blog
อย่างที่บอกไปว่าปีที่ผ่านมา มีหลายเวบเริ่มหันมาเขียนเรื่อง style มากขึ้นไม่ว่าจะเป็น Unlockmen, MensDetail, The Crucial Things คนที่ติดตามพวกเวบเกี่ยวกับ menswear คงน่าจะเคยผ่านตากันมาบ้างอยู่แล้ว ผมก็อยากเชิญชวนให้คนที่อ่าน blog ของผมทุกคนให้ไปอ่านกัน (ถ้ายังไม่เคยอ่านนะ) เราจะได้มีมุมมองที่หลากหลาย ก็คงเหมือนอ่านข่าวหลายๆสำนักยังไงยังงั้น
ผมเองก็ใช่ว่าจะรู้ไปหมดซะทุกเรื่อง บางอย่างผมก็ต้องไปหาข้อมูลเพิ่มเติมเพื่อมาเขียนด้วยซ้ำ แต่ก็นั่นแหละ เราเขียนเรื่องสไตล์ มันเป็นเรื่องที่ไม่มีอะไรมาขีดเส้นถูกผิด เป็นเรื่องของ taste ความชอบส่วนตัวล้วนๆ หลายๆครั้งมันไม่มีเหตุผลใดๆมาประกอบด้วยซ้ำ สำหรับคนที่ชอบในสิ่งที่ผมนำเสนอ เราก็คงมี taste หรือความชอบใกล้เคียงกัน
ทบทวนและเปลี่ยนแปลง
การได้พักจากการคิดวนไปวนมาเพื่อจะพัฒนาสิ่งที่ตัวเองทำอยู่ มันเหมือนการได้ถอยหลังไปหนึ่งก้าว ภาพที่เรามองเห็นมันใหญ่ขึ้น ได้ปล่อยวางจากความคิดบางอย่าง ทำให้ได้รับสิ่งใหม่ๆเข้ามาโดยไม่รู้ตัวทั้งในเรื่องของสไตล์และมุมมองการใช้ชีวิตของ influencer ที่เราตามๆอยู่ใน Instagram โดยเฉพาะเรื่องสไตล์ ผมว่ามุมมองและความคิดในการมองว่าอะไรเท่ อะไรดี อะไรเห่ย ของผมมันเปลี่ยนไป เริ่มปล่อยวางกับกฎที่เคยยึดมาตลอด อย่างพวก สีน้ำตาลไม่ควรใส่กับสีดำ อะไรทำนองนั้น
ผมได้มีเวลากลับไปทบทวนสิ่งที่เคยเขียนไป กลับไปย้อนอ่านบทความเก่าๆ สไตล์ที่เราเคยแต่ง มุมมองต่างๆที่เราเคยนำเสนอในเพจ แล้วถามตัวเองดูว่าถ้าเป็นตอนนี้เราจะเขียนแบบนั้นหรือไม่ จะนำเสนอสไตล์แบบนั้นหรือเปล่า แน่นอนว่ามันคงไม่มีประโยชน์และไม่มีความจำเป็นต้องกลับไปแก้ไขในสิ่งที่เราเคยทำในอดีตแล้วเราไม่ชอบมัน คำตอบของคำถามเหล่านั้นจึงตอบออกมาเป็นสิ่งที่เราอยากเป็นและอยากทำต่อจากนี้ต่างหาก
กลับมาเริ่มเขียนใหม่คราวนี้ ก็ตั้งใจไว้ว่าจะพยายามเขียนและนำเสนอในสิ่งที่เป็นตัวเองมากขึ้น จากที่เคยอยากได้นู่นอยากได้นี่เพื่อมาทำให้เนื้อหาในเพจดูหลากหลาย แต่เราเองก็ไม่ได้อยากใส่มันจริงๆหรอก อย่างเช่นเสื้อฮาวาย ทุกคนคงไม่เห็นผมในเสื้อฮาวายอีกต่อไปอย่างแน่นอน ไม่ใช่ไม่ดี แต่แค่มันไม่ใช่เรา
เรายังคงอยากทำให้เวบมันเป็น blog มากกว่าทำให้มันเป็น online publisher เหมือนหลายๆเวบในตอนนี้ คือผมคงไม่มีปัญญามานั่งเขียนอัพเดทข่าวสาร หรือวิ่งตามกระแสแฟชั่นมาเขียนได้ตลอดเวลา แต่ผมจะเขียนให้เป็นงานเขียนมากขึ้น ใส่เกร็ดเล็กเกร็ดน้อยแทรกเข้าไปผ่านการเล่าเรื่องเล่าประสบการณ์ ส่วนรูปและ styling จะเป็นสิ่งที่ผมให้ความสำคัญอันดับรองลงมา ผมจะใช้รูปให้น้อยลง เพราะเราตั้งใจเขียน เราก็อยากให้คนอ่านตั้งใจอ่านเหมือนกัน
สุดท้ายคงต้องบอกว่า 2016 ที่หายไปมันมีค่ากับเรามาก คงต้องปล่อยให้ 2017 เป็นตัวพิสูจน์ว่าสิ่งที่เราคิดในตอนนี้ มันจะอยู่กับเราไปอีกนานมากน้อยแค่ไหน แล้วคอยติดตามกันครับ
สวัสดีปีใหม่ครับ