นอกจากกางเกงยีนส์แล้ว เสื้อผ้าอีกหนึ่งชิ้นที่เป็น The Must ของผู้ชายเราคือเสื้อเชิ้ตสีขาว ด้วยความที่เสื้อนี้มันใส่ได้แทบทุกโอกาส แต่เสื้อเชิ้ตสีขาวที่เนื้อผ้าดี fitting สวยๆ ดูจะเป็นอะไรที่หายากมากในไทย เราเลยหันไปหาแบรนด์ต่างประเทศกันหมด บางทีก็ต้องยอมสั่งเข้ามาเองบ้าง ซื้อจากร้านมือสองบ้าง ราคาก็มีหลากหลาย ขึ้นอยู่กับชื่อเสียงของแบรนด์นั้นๆ
วันนี้ผมเลือกเสื้อเชิ้ตแบรนด์ไทยมาแนะนำให้ 3 แบรนด์ 3 ราคา 3 สไตล์ เป็นของทำในไทยทั้งหมด น่าจะเป็นทางเลือกให้กับคนที่อยากสนับสนุนคนไทยด้วยกัน และได้ของที่มีคุณภาพสมราคา
––
The Best Value : Ttopcollar
ในช่วงราคานี้ผมค่อนข้างเลือกลำบากครับ เพราะส่วนใหญ่เราจะไปสู้กับ Mass Market อย่าง Uniqlo กับ Muji ไม่ได้ ผมเลือก Ttopcollar มาเพราะเนื้อผ้าและ fitting ตอนแรกผมอยากได้ oxford แต่พอดีมันไม่มี size เลยเลือกเป็น poplin มาแทน
โดยรวมถือว่าก็กลางๆครับ ผ้าดีสมราคา fitting โอเค ช่วงอกกว้าง แต่ช่วงตัวแคบ เหมาะกับหุ่นคนเล่นเวทเป็นพิเศษ และดูเหมือนว่าคนที่มีช่วงสะโพกใหญ่อย่างผมจะต้องใส่แบบ tuck in เท่านั้น เพราะปล่อยชายออกมาแล้วมันรั้งๆ ส่วนลูกเล่นก็มีที่แขนเสื้อ เวลาพับขึ้นมาจะเห็นเป็น layer สีดำด้านใน ตรงนี้ก็ดูเหมาะกับ lifestyle คนไทยที่ชอบใส่เสื้อพับแขน เพราะอากาศบ้านเราค่อนข้างร้อน
- Fabric: Poplin
- Collar: Button Down
- Size: XS
- Price: +/- 1,000 THB
ตัวนี้น่าจะเหมาะกับนักศึกษาใส่ไปเรียน หรือใครไม่ต้องใส่ชุดทำงานแบบทางการ พับแขนได้ตัวนี้น่าจะเป็นตัวเลือกที่ดีเช่นกันครับ
––
The Best Classic Style : Meticulous
สำหรับคนที่เดินห้างบ่อย คงต้องเคยเห็นร้านเสื้อเชิ้ตที่ชื่อ Meticulous กันบ้าง ด้วยการตกแต่งร้านดูจริงจัง และโคตรจะเป็น Gentleman (บางสาขามี Bar เครื่องดื่มด้วย) คนรุ่นผมอาจจะมองว่าเสื้อผ้าในร้านต้องใส่มาแล้วดูแก่แน่ๆ ผมมีโอกาสเข้าไปดูหลายครั้งเหมือนกัน และก็จริงอย่างที่คิด เสื้อลายๆส่วนใหญ่มันดูแก่จริงๆครับ แต่ก็มีดีๆไม่น้อยเหมือนกัน อาจจะต้องรู้จักเลือกหน่อยครับ
ตัวนี้ผมเลือกผ้าที่มีลายมา เพราะทรง Dress shirt ที่ดูทางการมากอยู่แล้ว ถ้ายิ่งเป็นผ้าเรียบอีกจะยิ่งดูเคร่งครึมไปกันใหญ่ ตัวนี้เป็น Twill ลายใหญ่ ผ้ามีน้ำหนักดี ทิ้งตัวสวย fitting สมกับเป็น tailored shirt จริงๆ ที่สำคัญผมชอบความเนี๊ยบของการตัดเย็บเป็นพิเศษ
ส่วนปกอาจจะดูดีมี Collar Stays แต่กลับเป็นจุดที่ผมไม่ค่อยชอบเท่าไหร่ เพราะมันแข็งเกินไปมากครับ พับขึ้นพับลงลำบาก แต่ต้องยอมรับว่าเวลาไม่ผูกไทแล้วปกแข็งจะช่วยให้เชิ้ตดูเรียบร้อยมากกว่าปกแบบย้วยๆครับ
- Fabric: Twill
- Collar: Spread
- Size: 14 1/2 – 32 (S)
- Price: 2,000-3,000 THB
เสื้อตัวนี้น่าจะเหมาะกับคนที่ต้องใส่ชุดทำงานแบบทางการ หรือเอาไว้ใส่กับเสื้อสูทครับ เพราะแนวเส้นปกเชิ้ตจะรับกับปกสูทสวยกว่าปกแบบอื่น และปมเนคไทก็จะดูสวยกว่าด้วยครับ
––
The Best Oxford : JBB*
JBB* อาจจะไม่ได้เป็นที่รู้จักกันอย่างแพร่หลาย เพราะเป็นร้านเล็กๆอยู่ในโรงแรม Grand Hyatt Erawan แต่คุณภาพของเสื้อผ้าไม่ได้เล็กตามเลย ผมว่าคุณโบ๊ท (@bateau19) เป็นคนที่ใส่ใจในรายละเอียดเล็กๆน้อยๆมากเป็นพิเศษ แม้กระทั่งถุงและหีบห่อใส่สินค้ายังสวยไม่แพ้ตัวเสื้อเองเลยครับ
เสื้อ oxford ตัวนี้เป็นเสื้อที่ลองใส่ครั้งแรกก็รู้แล้วว่าแตกต่างกับที่เคยลองมา ทั้งเนื้อผ้าและ fitting ผ้าที่หนาจนทำให้ผมต้องขยับ size ขึ้นมาหนึ่ง size เพราะมันดู slim มากไป แต่น้ำหนักผ้าก็ช่วยให้ผ้าทิ้งตัวสวยและดูไม่ใหญ่เทอะทะทั้งแบบ tuck in และ untuck กระดุม Pearl สีขาวนวลๆเป็นจุดที่ผมชอบมากเป็นพิเศษสำหรับเสื้อเชิ้ตตัวนี้
ส่วนปกจะเห็นได้ชัดว่า roll สวยกว่า แต่จริงๆผมว่าถ้าทำปกใหญ่ขึ้นมาอีกนิดน่าจะสวยกว่านี้ครับ โดยเฉพาะเวลาผูกเนคไท โดยรวมผมถือว่าเป็นเสื้อที่เทียบเท่ากับแบรนด์ต่างประเทศได้สบายๆ
- Fabric: Oxford
- Collar: Button down
- Size: Medium
- Price: 3,000-4,000 THB
เสื้อ Oxford ก็คงใส่ได้หลากหลายโอกาสอยู่แล้ว ทั้งทำงาน ทั้งเรียน หรือแม้แต่ออกงานกลางคืน เช่น งานแต่งงาน ที่เดี๋ยวนี้เราค่อนข้างจะไม่ซีเรียสกับ Dress code กันมากนัก เสื้อเชิ้ต Button Down กับ Blazer สีกรมท่าดูจะเป็นของคู่กันอยู่แล้ว หรือใส่กับยีนส์ตัวเก่งในวันหยุดก็ได้สบายๆ
––
Final Comment
ผมคงไม่ตัดสินครับว่าตัวไหนดีที่สุด มันมีจุดเด่น จุดด้อยของตัวเองตามที่ผมเขียนบรรยายไว้ โอกาสที่ใส่ก็น่าจะต่างกัน ส่วนใครมีแบรนด์อื่นๆอยากแนะนำผมก็เข้ามาแลกเปลี่ยนกันได้ครับ ผมเองก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าเสื้อเชิ้ตส่วนใหญ่ของผมเป็นของ Muji แต่ก็พยายามอุดหนุนงานคนไทยอยู่เรื่อยๆตามกำลังและโอกาสในการใส่ครับ
